เปิดโผ 6 กลุ่มหุ้นน่าลงทุน หากความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย เฟดขึ้นดอกเบี้ยคลาย

เปิดโผ 6 กลุ่มหุ้นน่าลงทุน หากความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย เฟดขึ้นดอกเบี้ยคลาย

 

บล.เอเซียพลัส เปิดโผ 21 หุ้น 6 กลุ่มน่าลงทุน หากความตึงเครียดระหว่างยูเครน-รัสเซีย และประเด็น Fed คลี่คลาย ระบุช่วยหนุนเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มปรับขึ้นจำกัด

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ จาก บล.เอเซียพลัส (ASPS) ระบุว่า ได้ประเมินปัจจัยที่มีน้ำหนักกดดันและสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นโลกก่อนหน้า คือ 1.) ความตึงเครียดยูเครน-รัสเซีย แต่เริ่มเห็นสัญญาณคลี่คลาย หลังจากวันอังคาร (15 ก.พ.) ที่ผ่านมา มีสัญญาณถอนกำลังทหารบางส่วนจากฝั่งรัสเซียดังกล่าว และ 2.) ความกังวล Fed เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ดี หาก 2 ประเด็นดังกล่าวในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาเริ่มคลี่คลาย ASPS คาดว่าการกลับทิศทางตรงข้ามของสินทรัพย์ต่างๆ จะมีดังนี้ คือ

เงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ พันธบัตรรัฐบาล เข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เคยปรับขึ้นมาก่อนหน้า หลักๆ เช่น น้ำมันดิบ แก๊สธรรมชาติ ถ่านหิน หากสถานการณ์คลี่คลายต่อเนื่องประเมิน Upside ในการปรับขึ้นของราคาประเมินน่าจะจำกัด หรืออาจจะผ่านจุด Peak หรือเริ่มปรับลง ASPS ประเมินจะเป็น Sentiment (-) ลบต่อหุ้นใน กลุ่มพลังงาน กลุ่มน้ำมัน PTT, PTTEP กลุ่มโรงกลั่น TOP, IRPC

ประเมิน 6 กลุ่มรับประโยชน์หากความขัดแย้งคลี่คลาย

ทั้งนี้ ในทางตรงข้ามกลุ่มที่จะได้ประโยชน์หรือ Sentiment บวก หากสถานการณ์ต่างประเทศ 2 ประเด็นคลี่คลาย และน่าสนใจกลับเข้าไปเก็งกำไร คือ

1.) กลุ่มโรงไฟฟ้า ราคาหุ้นก่อนหน้าหลายบริษัทถูกกดดันจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับขึ้นมา ทั้งน้ำมันดิบ แก๊สธรรมชาติ ถ่านหิน โดยบริษัทกลุ่มโรงไฟฟ้ามีต้นทุนจากแก๊สธรรมชาติราวๆ 50-60% ของต้นทุนรวม (BGRIM และ GPSC) ส่วน BPP ต้นทุนส่วนใหญ่มาจากถ่านหิน หากต้นทุนแก๊สธรรมชาติและถ่านหิน ทิศทางเริ่มทรงตัวและปรับลง เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ขายไฟให้โรงงานอุตสาหกรรมได้ประโยชน์ เช่น BGRIM, GPSC, BPP คำแนะทางพื้นฐานสำหรับลงทุนระยะกลางถึงยาว ยังแนะนำ ซื้อ BGRIM, GPSC

2.) กลุ่มเครื่องดื่ม เช่น CBG, OSP ราคาหุ้นก่อนหน้าถูกกดดันจากราคาอลูมิเนียมปรับขึ้นราว 11% ytd โดยเฉพาะ CBG ต้นทุนจากกระป๋องสัดส่วน 35-40% ของยอดขาย ส่วนต้นทุนอื่นๆ เช่น แก๊สธรรมชาติคาดจะได้ Sentiment บวก

3.) กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม เช่น CENTEL, ERW, MINT

4.) กลุ่มสนามบิน คือ AOT คาดได้ประโยชน์จากการที่นักท่องเที่ยวมีความมั่นใจท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นหากสงครามไม่บานปลาย

5.) กลุ่มสายการบิน AAV และ BA ได้ Sentiment บวกจากราคาพลังงานที่ปรับลดลงจากน้ำมันที่เป็นต้นทุนของบริษัท โดยน้ำมันเป็นต้นทุนคิดเป็นสัดส่วน 30-40% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด

6.) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น TASCO, SCC, DCC ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง โดย TASCO มีต้นทุนน้ำมันที่นำมาผลิตยางมะตอยลดลง SCC (มีต้นทุนพลังงานลด โดยก๊าซ ถ่านหิน ค่าไฟ คิดราว 70% ของต้นทุนผลิต) DCC (ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ 28% ของต้นทุนการผลิต)

หุ้นที่ได้กระแสบวก หากประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ Fed คลี่คลาย

หุ้น คำแนะนำ ราคาเป้าหมายพื้นฐาน Upside %
(บาท)
BGRIM BUY 45.00 35.30%
GPSC BUY 86.50 15.00%
ERW BUY 3.70 23.30%
CENTEL BUY 43.00 21.00%
MINT BUY 36.00 12.50%
AOT BUY 70.00 8.00%
SCC BUY 500.00 30.00%
DCC BUY 3.70 25.00%
KCE BUY 90.00 48.20%
SVI BUY 8.00 15.10%
SMT BUY 6.50 31.00%
TFG BUY 6.00 28.70%
CPF BUY 32.00 25.50%
TU BUY 26.00 24.40%
NER BUY 0.20 43.00%

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket